เมื่อเริ่มเข้าช่วงปลายปี อากาศกำลังดี ปลายฝนต้นหนาว เหล่านักวิ่งก็จะคึกคักมีชีวิตชีวา เพราะจะมีงานวิ่งจัดขึ้นอย่างมากมายให้เลือกสรร โดยเฉพาะนักวิ่งสายป่า งานวิ่งเทรลจะกลับมาคึกคักอีกครั้งก็ช่วงนี้แหละค่ะ :)
ประมาณต้นเดือนตุลาคมของทุกปี จะมีงานวิ่งเทรลจัดขึ้นที่เขาใหญ่ นั่นก็คืองาน Tiger balm Trail series : Khaoyai Trail Marathon จัดโดยทีมงาน Race Hunter อันมีสปอนเซอร์เจ้าใหญ่อย่าง Tiger balm นั่นเอง ในแต่ละปีจะแบ่งออกเป็น 3 สนาม ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ คือ ที่พัทยา หัวหิน และปิดท้ายด้วยเขาใหญ่ สองสนามแรกเราไม่ได้ไป ตามคติ วิ่งงานใกล้บ้านอีกเช่นเคย ^0^ แต่งานที่เขาใหญ่ คนปากช่องอย่างเรายังไงก็ไม่พลาด ! งานนี้เราลงมาราธอนค่ะ ^^
ว่าด้วยการเตรียมตัวและสภาพร่างกายก่อน เทรลมาราธอนนี้ จะเป็นระยะมาราธอนที่สองของเรา จากที่จบมาราธอนแรกไปที่สุโขทัยเมื่อเดือนมิถุนายน ตอนนั้นจบแบบเจ็บเล็กน้อย มีอาการบาดเจ็บที่เดิมคือ hamstring ด้านข้างขาขวา ดีหน่อยที่ฟื้นตัวเร็ว อันเป็นผลมาจากการทำกายภาพที่บ้านเกือบทุกวัน หลังจากนั้นก็ได้ไปวิ่งฮาร์ฟมาราธอนที่พัทยาอย่างไม่ได้ตั้งใจ และวิ่ง 15 กิโล งาน Run for Dog ที่ปากช่อง เราซ้อมวิ่งไกลแค่ครั้งเดียวคือ 35 กิโล ช่วงสองเดือนก่อนแข่ง เดือนสุดท้ายนี่เก็บตัววิ่งก๊อกแก๊กอย่างเดียว เพราะกลัวเจ็บ ^0^ สภาพร่างกายจึงพร้อมกว่ามาราธอนแรกเป็นอย่างมาก
ช่วงใกล้วันงาน ฝนตกทุกวันเลยค่ะ ตกเช้า สาย บ่าย เย็น กลางคืนด้วย ช่วงนั้นแทบไม่ได้ซ้อมเลย จากที่เคยอ่านรีวิวมาก่อน สนามนี้ไม่ยากมาก เหมาะสำหรับเทรลแรก เพราะความชันไม่มาก แต่ที่ท้าทายคือ ความเลอะ! อย่างที่บอกว่าฝนตกทุกวัน งานนี้ทำใจได้เลย เลอะ และเละแน่นอน ผู้จัดเลือกใช้พื้นที่ของรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า เสมอดาวรีสอร์ท เป็นจุดปล่อยตัวและเส้นชัย เราจะวิ่งเลาะไปตามเส้นทางแนวกันไฟของเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
แผนที่เส้นทางวิ่ง เลาะไปตามแนวกันไฟเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
กราฟความชันจากทีมงาน ดูเหมือนจะสบายๆ ?
จุด check point และจุดบริการต่างๆ
อุปกรณ์ต่างๆในงานนี้ อุปกรณ์บังคับคือ ของที่บรรจุน้ำได้ 500 ml เพราะจุดบริการน้ำไม่ได้ถี่เหมือนวิ่งถนน เราใช้บริการ Salomon 12 set ตัวเดิม อุ่นใจทุกที่ที่มีพี่ม่อน ^0^ ใช้ถุงน้ำด้านหน้าเพื่อเอาไว้เติมตามจุดให้น้ำ และพกถุงด้านหลังไปเผื่อเล็กน้อย เรายังเป็นนักวิ่งรักษ์โลกพกแก้วน้ำ reuse ติดไปด้วยเพื่อลดขยะ ถุงเท้าสำรองไว้เผื่อเท้าเปียกเกินเยียวยา เสื้อกันฝนตามที่ผู้จัดแนะนำ ผ้าบัฟ ใช้ผืนหนึ่ง สำรองผืนหนึ่ง เจล 4 ซอง ไว้ทานทุก 10 กิโล แถม Energy bar อีกหนึ่ง นอกจากนี้ยังมี salt stick เกลือเม็ด ทานก่อนวิ่ง และระหว่างวิ่งเพื่อป้องกันตะคริวเพื่อนเก่ามาหา งานนี้เลือกใส่กางเกงขายาววิ่งเพราะต้องเข้าป่า กลัวแมลงและหญ้าบาด เป็น compression ของ CEP เจ้าเก่าเจ้าเดิม แว่นตากันแดด ส่วนรองเท้าเราไว้วางใจ Altra Lone Peak 2.5 หน้ากว้าง สบายเท้า ทั้งหมดทั้งมวลนี้ที่เราจะต้องแบกไปด้วยตลอดระยะ 42 กิโล !!!
อุปกรณ์ทั้งหมดค่ะ ในรูปถ่าย Trekking Pole ด้วย ตอนแรกกะเอาไปช่วยพยุงตัวผ่านโคลน แต่พอวิ่งจริงไม่ได้พกไปด้วย เพื่อลดน้ำหนัก
และแล้ววันวิ่งจริงก็มาถึง... เราตื่นแต่เช้ามืด ปลุกคุณสามีขับรถไปส่ง เค้าจะไปส่งเราเสร็จ จากนั้นจะกลับไปทำงาน แล้วลางานครึ่งวันมารับเราตอนเที่ยง กะๆเวลาแล้วน่าจะพอดี ตั้งใจไว้ว่า จะวิ่งจบภายใน 6 ชั่วโมง :) เราไปถึงงานคนแรกๆเลย จัดการเข้าห้องน้ำอะไรให้เสร็จ ห้องน้ำเป็นของรีสอร์ท สะอาดและเรียบร้อยดีค่ะ พอทานอะไรรองท้องเสร็จ สามีก็ขอตัวกลับ เพราะกลัวรถติด ก็อวยพรกันไป ขอให้วิ่งให้สนุก ^^
พอนักวิ่งมากันเยอะๆ บรรยากาศก็คึกคัก พร๊อพทุกคนจัดเต็มมากกกก เริ่มปล่อยตัว ก็เจอโคลนเลย ^0^ เราก็วิ่งเกาะกลุ่มไปกับนักวิ่งคนอื่นๆ ยังแซงกันไม่ได้สะดวก เพราะทางแคบและต้องพยุงตัวผ่านโคลน ต้องวิ่งข้ามลำธารเล็กๆ มุดลอดกิ่งไม้ ขอนไม้ สนุกมากกกกกกกก คือ รองเท้าเปียกตั้งแต่ 5 กิโลแรกเลยทีเดียว พอพ้นช่วงป่าก็เป็นถนนดินที่เละทุกตารางนิ้ว งานนี้ต้องตั้งสติให้ดี ไม่วอกแวกเพราะมีโอกาสล้มได้ทุกเมื่อ ต้องทรงตัวให้ดี ตัดสินใจให้ถูกว่าจะวางเท้าลงตรงส่วนไหนของโคลน ^0^ การต้องพาตัวเองวิ่งไปพร้อมกับรองเท้าที่มีโคลนพอกหนาเตอะ เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำสุดๆ

งานนี้ผู้หญิงวิ่งน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย ช่วง 10 กว่ากิโลแรก เราพักเดินบ้างในช่วงที่เห็นว่า หัวใจทำงานหนักเกินไป ก็วิ่งไปกับพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง สลับกันแซงบ้าง พี่เขาน่ารัก ยังชวนคุยว่า หน้าน้องดูไม่เหนื่อยเลย เราได้แต่หัวเราะ หนูเก็บอาการได้ดีค่ะ วิ่งๆไปสักพักก็ออกจากแนวป่ามาที่ถนนคอนกรีต ช่วงนั้นแดดมาจากไหนก็ไม่รู้ ร้อนขึ้นมาทันที พี่ผู้หญิงหยุดวิ่ง พร้อมกับหันมาพูดว่า แดดมาแล้ว พี่หมดแรงเลย ไปก่อนเลยค่ะ เราก็ล้วงไปหยิบเอาปลอกแขนมาใส่ จากนั้นก็แซงพี่เขาไป เลยได้ไปเข้ากลุ่มผู้ชายแทน ก็ชวนกันคุยบ้าง
พอมาที่กิโลที่ 16 กลุ่มผู้นำก็วิ่งสวนลงเนินมาอย่างงดงาม นำมาโดย Harry ณ เชียงใหม่ แนวหน้ามืออาชีพ คือวิ่งเร็วมากกกก เราได้แต่ยกนิ้วหัวแม่โป้งให้ ตามมาด้วยคุณสัญญา คุณรัชชี่และอื่นๆอีกมากมาย เรายิ้มและโบกมือให้เกือบทุกคน สักพักกลุ่มผู้นำระยะฮาร์ฟมาราธอนก็ตามมาจากข้างหลัง วิ่งแซงเราไปสวยๆ :)
งานนี้เราตั้งใจคุมเพซไม่ให้เร็วเกิน เอาเข้าจริงแล้ว มันไม่สามารถวิ่งเร็วได้เท่าไหร่นักเพราะสภาพสนาม เช่น ตอนลงเนิน ทำเวลาวิ่งลงมาดีๆ ก็เจอบ่อโคลนให้ต้องหยุดเดินเสมอๆ เราไม่กล้าวิ่งใส่โคลนเหมือนมืออาชีพ เพราะเห็นคนล้ม กางเกงขาดเลย... จากนั้นเลยระวังมาก ช้าแต่ชัวร์ดีกว่าค่ะ
วิ่งๆไป ทำไมจุดกลับตัวมันไกลจัง นักวิ่งที่สวนกลับมาก็บอกว่า กลับตัวตรงกิโลที่ 20 กว่าๆ พอเห็นจุดกลับตัวเท่านั้น แอบร้องในใจ เพราะเขาให้ไปกลับตัวบนยอดเนินยาวเลย T_T เดินสิคะ จะวิ่งไหวเหรอ ^0^ เราแวะทานเกลือแร่ ยืดขานิดนึง ก่อนจะวิ่งกลับลงมา ก็เจอพี่ผู้หญิงที่วิ่งด้วยกันตอนแรก เลยโบกมือให้กัน ^^ สวนกับผู้หญิงคนหนึ่ง เขาบอกว่า เราเป็นผู้หญิงคนที่ 13 จากทั้งหมด ก็น่าจะเป็นแบบนั้น เพราะที่วิ่งกลับตัวสวนมาผู้หญิงน้อยมาก
ขากลับวิ่งสวนกับนักวิ่งคนอื่นๆ ได้แต่ยิ้มให้และบอกว่า จุดกลับตัวอีกไม่ไกลค่าาาา ไม่ไกลจริงๆแต่อยู่สูงมาก ^0^ ขากลับตอนนั้น ร่างกายยังค่อนข้างสดอยู่ อาการบาดเจ็บไม่มี เราวิ่งไป พักไปเรื่อยๆ ช่วงไหนพอทำเวลาได้เช่น ลงเนินก็วิ่งเต็มที่ เราวิ่งกับเพื่อนร่วมทางเป็นคนต่างชาติ น่าจะเป็นฟิลิปปินส์ เป็นคู่รักสองคน เราชวนคุยก่อนเพราะเห็นเขาสะพายเป้น้ำยี่ห้อที่เราสนใจอยู่ มีนพีคตรงที่ผู้ชายสะพายเป้น้ำ 2 ใบ เพราะแฟนเขาไม่ชอบสะพายเป้ พี่เอาตำแหน่งแฟนดีเด่นไปเลยครับ ! ผู้หญิงวิ่งตัวเปล่าไปลิ่วๆ แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายก็ยังวิ่งตามติดตลอด ^0^
มีช่วงหนึ่งได้วิ่งคู่ต่างชาติคนหนึ่ง เป็นผู้ชายตัวใหญ่ขายาว เขาทักเราว่า Are you o.k.? เลยทำให้ได้เพื่อนคุย เขาถามว่าจะจบเท่าไหร่ดี ตอนนั้นพูดไปว่า หกชั่วโมงละกัน เขาบอกว่า น้อยกว่านี้ไม่ได้เหรอ เราได้แต่หัวเราะส่ายหน้า เขาบอกว่า เขาน่าจะจบ 5.45 ชั่วโมง เอางี้ คุณอย่าให้เกิน 6 ชั่วโมงนะ no more 6 hours ก่อนจะขอตัววิ่งลิ่วไปเลย ^0^
พอเข้ากิโลที่ 32 วิ่งอยู่ดีๆ ฝนก็ตก!! ตกจริงจังด้วย เอาล่ะสิ ตอนนั้นหลายคนก็งัดเอาเสื้อกันฝนมาใส่ รวมถึงเราด้วย เพราะไม่อยากให้เป้เปียก ช่วงฝนตกแทบไม่ได้เดินเลย ทุกคนวิ่งกันหน้าตั้ง น่าจะตกอยู่ประมาณไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็หยุด ช่วงหลังมาแม้ไม่เหนื่อยมาก แต่ก็เริ่มงอแง ก็ให้กำลังใจตัวเอง ชมนกชมไม้ริมทางไปเรื่อย เจอจุดให้น้ำก็แวะทุกจุด เดินๆวิ่งๆ ไปๆมาๆก็มาถึง 2 กิโลสุดท้าย
ตอนนั้นเห็นว่าพอมีแรงเหลือ เลยรวบรวมแรง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ วิ่งไปไม่หยุดเลย ^0^ แซงไปได้เกือบสิบคน วิ่งด้วยเพซ 5 ช่วงกิโลท้ายๆ ต้องวิ่งเลี้ยวไปมาเข้าเส้นชัยที่รีสอร์ท รู้สึกว่าไกลมาก จนต้องร้องถามคนที่เข้าเส้นชัยก่อนแล้วเดินสวนมา เขาบอกอีกไม่ไกลๆ ตอนนั้นรู้ว่า ห้ามหยุด ต้องวิ่งทีเดียวจบ เราซอกซอนไปตามทาง สุดท้ายก็มองเห็นเส้นชัย บรรยากาศดีมาก มีคนปรบมือเชียร์ หนึ่งในนั้นคือ คุณรัชชี่ ! ในที่สุดก็วิ่งเข้าเส้นชัยไปด้วยเวลาที่ดูนาฬิกาแล้วขำเลย 5.59 ชั่วโมง !! ^0^
เข้าเส้นชัยเสร็จ ก็เจอจับมือแสดงความยินดีกับคู่รักชาวฟิลิปปินส์ น่ารักมากทั้งคู่เลย ก่อนจะมาเจอต่างชาติคนที่บอกว่าให้วิ่งจบก่อน 6 ชั่วโมง เราถามเขาว่าเขาจบเท่าไหร่ เจ้าตัวบอก 5.35 ชั่วโมง เราบอกเราจบ 5.59 ชั่วโมง เขาแซวว่า ยู sprint เข้าเส้นชัยมาเลยใช่มั้ย เลยขำกันใหญ่ ^0^ ก็บ๊าย บายกันไป เจอกันปีหน้า :)
ผลการแข่งขัน เราวิ่งจบเป็นลำดับที่ 134 /529 คนจากทั้งหมด เป็นผู้หญิงคนที่ 15 /127 คน ถือว่าเป็นที่น่าพอใจค่ะ :)
สถิติจาก Suunto
ความชันจากการวิ่งจริง
สรุป คะแนนเต็ม 10 เราให้ 9.5 คะแนนเลยค่ะ !!!
ข้อดี
1. เป็นรายการที่วิ่งแล้วสนุกมากกก ไม่กดดัน เพื่อนร่วมทางน่ารัก
2. เส้นทางวิ่งไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายมาก เหมาะสำหรับนักวิ่งเทรลหน้าใหม่หรือหน้าเก่าที่อยากมาวิ่งสนุกๆกับการลุยโคลน วิ่งไปตามแนวกันไฟ ใต้ร่มไม้ บรรยากาศดี เขียวขจี ช่วงเช้ามีหมอกด้วย
3. เป็นรายการที่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเป็นอย่างดี ทั้งอาสาสมัครในส่วนต่างๆ ที่จุดให้น้ำ หรือที่ดูแลตลอดระยะทางวิ่ง อุ่นใจปลอดภัย หายห่วง แถมวิ่งผ่านหน่วยงานของเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่มายืนปรบมือต้อนรับด้วย น่ารักมากกกก
4. น้ำท่า อาหารเพรียบพร้อม น้ำเย็นทุกจุด มีกล้วย ขนมนมเนย แถมมีนักดนตรีมาเล่นให้ฟังกลางป่าอีกต่างหาก วิ่งเสร็จอาหารก็พร้อม มีแจกน้ำนมข้าวโพดด้วย ^^
5. ชื่นชมทีมงาน ใส่ใจนักวิ่ง ได้ข่าวว่า ดูแลกันจนคนสุดท้ายเลยทีเดียว
ข้อเสีย
ข้อเดียวเลยจริงๆ ตอนสมัคร เวบไซต์ล่มค่ะ! แต่ทีมงานก็แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ถ้าแก้ไขตรงนี้ได้ เราให้คะแนนเต็ม 10 เลย ปีหน้า ;)
ขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก Refill, Shutter Running และ ทีมงาน Race Hunter ค่ะ