วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Oo Review งานวิ่ง เรื่องเล่าจาก Dongmafai Trail 25k 25/12/16 oO





รายการนี้เป็นรายการสุดท้ายของปี ที่เลื่อนมาจากเดือนตุลาคม มีความตั้งใจเป็นพิเศษที่จะมาวิ่งให้ได้ เพราะเป็นรายการการกุศล เงินรายได้กลับสู่ชุมชน นำไปถวายวัด สร้างฝาย และศูนย์เด็กเล็กประจำชุมชน แถมยังจัดไม่ไกลบ้าน ที่อ.สูงเนิน ขับรถไปแป๊บๆ ก็ถึง :)

แผนที่และความชันจากผู้จัด


เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตกับแผนการที่ไม่ได้วางแผนไว้ก่อนคือ การย้ายบ้าน ช่วงอาทิตย์ก่อนวิ่ง จึงมัววุ่นวายกับการย้ายบ้าน ขนของ เหนื่อยสุดๆ ก่อนวิ่งยังบ่นกับสามีว่า สงสัยจะวิ่งเหนื่อยแน่ๆ เอาแค่พอวิ่งจบก็แล้วกัน

วันรับเบอร์วิ่ง พอดีต้องไปธุระโคราชพอดี ขากลับเลยแวะไป งานนี้จัดขึ้นที่หมู่บ้านดงมะไฟ อ.สูงเนิน ซึ่งเป็นภูเขาสูงที่ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าแหล่งใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ ขับรถไปไกลกว่าที่คิด สามีบอกว่า วันวิ่งจริงต้องเผื่อเวลาเดินทางไว้ชั่วโมงครึ่งเลย นั่นแปลว่าจะต้องออกจากบ้านตี 4 ตื่นตี 3 สถานที่จัดงาน เป็นลานต้นสนของวัดป่าภูผาสูง อากาศดีมากกกก รับเบอร์วิ่งเสร็จอย่างรวดเร็ว คนขับรถกิติมศักดิ์ก็แวะดื่มกาแฟตามระเบียบ จากที่ดูถนน ไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ ยังคิดว่า สงสัยพรุ่งนี้เดินแน่ๆ -_-"

วันวิ่งจริง ตื่นตี 3 สะโหลสะเหลมาล้างหน้าแปรงฟัน ออกจากบ้านตี 4 นิดๆ รู้สึกง่วง สะลึมสะลือมาตลอดทาง พอมาถึงงานมีนักวิ่งทยอยมากันบ้างแล้ว อากาศเย็นๆ ประมาณ 16 องศา พอดีใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวมาเลยไม่หนาวมาก เนื่องจากเป็นหน้าหนาว พระอาทิตย์ขึ้นช้า ผู้จัดจึงเลื่อนเวลาปล่อยตัวจาก 6 โมง ไปเป็น 6 โมงครึ่ง เลยมีเวลาวอร์มอีกนิดหน่อย 

ถึงเวลาปล่อยตัว นักวิ่งมีจำนวนมากกว่าที่คิดไว้ และมีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเช่นเคย เริ่มปล่อยตัว ก็วิ่งลัดเลาะลงเขาไปเรื่อยๆ ก่อนจะเข้าทางเทรล งานนี้ตั้งใจจะคุมเพซช่วงแรกไว้ก่อน เพราะดูจากแผนที่ช่วงหลังต้องขึ้นเขากระจาย วิ่งๆไปยังไม่ทัน 3 กิโลดี ก็เจอกับการปีนเขา คือการปีนจริงๆเพราะต้องมุดกิ่งไม้ กระตึ้บๆขึ้นไป ช่วงนี้วิ่งไม่ได้เลย ต้องยืนรอคิวเพราะปีนได้ทีละคน ตอนนั้นก็คิดว่า สงสัยจะวิ่งไม่ทัน 3 ชั่วโมงตามที่บอกคุณสามีไว้ ไต่ๆไป มีคนลื่นจะตกเขา เราจับเขาไว้ได้ทันพอดี อันตรายเหมือนกัน

นี่คือตอนปีนเขาพ้นมาได้ พระอาทิตย์ขึ้นพอดี


พอถึงยอดเขา โอ้โห วิวสวยมากกกก พระอาทิตย์กำลังขึ้นเลย ทำได้แค่มองผ่านๆ เพราะต้องรีบทำเวลาต่อ วิ่งๆไป ทางวิ่งก็พาลงเขา จึงพอทำเวลาได้บ้าง แต่ไม่กล้าวิ่งเร็วมากเพราะพื้นแข็งและหินเยอะมาก ต้องมีสติในการวางเท้า การลงน้ำหนักทุกก้าว ถ้าล้มขึ้นมาไม่คุ้มกันแน่ๆ ช่วงนั้นก็แซงคนอื่น ถูกคนอื่นแซงบ้างไปเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงที่เริ่มอยู่ตัว ก็วิ่งแยกๆกระจายกันไป ทางวิ่งก็ยังเป็นภูเขาหินแข็งๆที่หวาดเสียวกับการเกิดข้อเท้าพลิกได้จริงๆ ตอนนั้นคิดว่า โชคดีมากที่เลือก Altra Lonepeak มาวิ่งวันนี้ เพราะตอนแรกจะใช้ Hoka Challenger ATR 2 ซึ่งพื้นหนาและสูง ถ้าพลาดล้มขึ้นมา ต้องมีเจ็บแน่นอน แต่ Altra หน้าเท้ากว้าง จึงขยายเท้าจิกได้เต็มที่ มีหลายจังหวะที่วางเท้าผิด แต่ก็เอาตัวรอดมาได้ทุกครั้

ระหว่างทางวิ่ง เราแซงผู้หญิงมาได้คนหนึ่ง และมาแซงผู้หญิงอีกคนเพราะเขาเหมือนจะบาดเจ็บ แต่เราแวะฉีดสเปรย์ให้ผู้ชายเท้าบวมคนหนึ่ง จึงถูกผู้หญิงคนหลังนี่แหละแซงได้อีกครั้ง... มาถึงจุดให้น้ำ staff บอกว่า เราเป็นผู้หญิงคนที่ 6 จากทั้งหมด ตอนนั้นงงๆ เพราะไม่คิดว่าจะอยู่ 1 ใน 10 ก็วิ่งต่อเรื่อยๆ ไม่ได้หวังได้ถ้วยรางวัลเพราะเข้าใจว่า มีแค่รางวัลถ้วยพระราชทานเท่านั้น มาถึงช่วงกลางๆ เนินเยอะมากกก ขึ้นเขาสลับลงเขาตลอด เนินยาวมากๆก็พากันเดินเป็นแถว เราตามหลังคือ เห็นผู้หญิงคนที่ 5 มาตลอด ตอนนั้นก็อยู่ในช่วงตัดสินใจว่า จะรักษาเพซนี้ไปเรื่อยๆ หรือจะเร่งแซงเขา สุดท้ายก็เลือกรักษาเพซไว้ ตอนนั้นคิดว่า เอาแค่ 1 ใน 10 อย่าให้มีผู้หญิงคนอื่นแซงได้ก็พอ ถ้าช่วงท้ายมีแรงค่อยไปตามเก็บเอาทีหลังก็ได้




ช่วงที่เดินมากๆ เพราะล้าเกินจะวิ่งได้ เราก็ค้นพบพฤติกรรมอย่างหนึ่งของตัวเองคือ เราเดินช้ามาก! คือช่วงที่เดินจะถูกคนอื่นแซงเป็นแถวเลย แต่พอเราวิ่ง เราก็ไปตามแซงคนที่เขาเดินแซงไปกลับหมด ซึ่งแอบตลกตัวเองอยู่เหมือนกัน ทำไมเดินช้าจัง ทางวิ่งช่วงหลังจะผ่านสวนยางพารา และไร่มันสำปะหลัง พื้นจึงเป็นทราย เปลืองแรงสุดๆ แต่ก็ดีที่นุ่มเท้าเพราะช่วงที่เป็นหินทำฝ่าเท้าระบมน่าดู พอเริ่มสาย แดดก็เริ่มออก ก็พากันวิ่งลัดเลาะไปตามร่มไม้ แม้จะมีแดด แต่อากาศยังเย็นสบายอยู่ ทางวิ่งยังได้วิ่งผ่านลำธารเล็กๆและฝายด้วย ช่วงไหนเจอตากล้องก็วิ่ง เหนื่อยก็เดินสลับกันไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเจอชาวบ้านให้กำลังใจ เป็นกองเชียร์เด็กๆ และชาวไร่ น่ารักมากๆ

ในที่สุด 6 กิโลสุดท้ายก็มาถึง ช่วงนั้นถอนหายใจเฮือกๆเร่งทำเวลา มีช่วงหนึ่งวิ่งไปเพซ 3 เลยทีเดียว หลังจากเติมน้ำที่จุดให้น้ำในกิโลที่กิโลที่ 20 เราก็ไม่ได้แวะไหนอีกเลย ฮึดวิ่งสลับเดินเร็วเท่าที่จะทำได้ จำได้ว่าตามเก็บผู้ชายไปได้หลายคนเลย พอเจอจุดให้น้ำก่อนสุดท้าย staff ทักว่า เป็นอันดับที่ 3 ของช่วงอายุนะ แต่ถ้าวิ่งต่อไปไม่หยุดอาจแซงผู้หญิงคนก่อนหน้าได้ เพราะเขาก็เดินเหมือนกัน ตอนนั้นหัวเราะเลย ก่อนจะบอก staff ว่า ไม่ทันแล้วแหละค่ะ เพราะก็จะเดินเหมือนกัน ^0^

วิ่งขึ้นเนินสุดท้ายที่ชันและยาวมากกก 


แต่เราก็พยายามวิ่งนะ ไม่ได้คิดจะแซงใคร แค่อยากท้าทายตัวเอง วิ่งๆมาก็เจอทางถนนคอนกรีตของ 2 กิโลสุดท้าย และเนิน ยาวมากกกกกกก! แอบกรี๊ดในใจ ไม่วิ่งก็ได้! สุดท้ายก็เดินต่อ 5555 ระหว่างท้อแท้หมดหวังกับต้นขาที่เหมือนหนักขึ้นข้างละ 5 กิโล ก็เจอคุณป้าชาวบ้าน แกให้กำลังใจว่า ใกล้แล้วๆ คุณลุงอาสาสมัครก็บอกว่า พ้นเนินนี้ไป ก็เจออีกเนิน ก็ถึงแล้ว ตอนนั้นคิดในใจ นี่ยังมีอีกเนินเหรอ!? ในที่สุดก็เจอเนินสุดท้าย ตอนนั้นไม่คิดอะไรมาก รวบรวมแรงพลังเฮือกสุดท้าย วิ่งไต่เนินมาเรื่อยๆ แซงผู้ชายที่กำลังเดินอยู่ได้อีกคนหนึ่ง ก่อนจะพ้นเนิน มีนักวิ่งที่วิ่งเสร็จแล้วปรบมือให้กำลังใจเกรียวกราว ตอนนั้นได้แต่ยิ้มสวยๆวิ่งเข้าเส้นชัยอย่างงดงาม พร้อมกับนาฬิกาที่จับระยะได้ 26 กิโลพอดีเป๊ะ ;)


คุณสามียืนรอถ่ายรูปอยู่ที่เส้นชัย รูปที่ถ่ายเราได้ คือรูปที่กำลังกดปิดนาฬิกาอีกเช่นเคย ^0^ staff รีบต้อนไปรับเหรียญและเสื้อ finisher ก่อนจะให้ป้ายรางวัลมา สรุปว่า เราเข้าเป็นอันดับที่ 3 ของช่วงอายุค่ะ ได้ถ้วยอีกแล้วววว :) พอพักผ่อน หาอะไรทาน สามีก็มาเมาท์มอยหลายเรื่องเพราะรอเรานานเลยตามสังเกตการณ์ทุกอย่าง สรุปว่า ที่ 1 overall ผู้ชาย เข้าเส้นชัยไปใช้เวลา 1 ชั่วโมง 50 กว่านาที!!! เทพมากๆ นี่วิ่งใส่เนินไม่เดินเลยแน่ๆ ส่วนผู้หญิงคนที่ได้ที่ 1 overall ได้ถ้วยพระราชทาน เข้าเส้นชัยตอน 3 ชั่วโมง เราเข้าช้ากว่าเขาไป 28 นาทีซึ่งก็ถือว่าโอเคอยู่ ส่วนผู้หญิงที่เข้าก่อนเรา เข้าก่อนแค่ 3 นาทีเอง ผู้หญิงที่เข้าเส้นชัยก่อนเราข้อเท้าพลิก เดินกระเผลกๆ และอีกคนก็ล้ม กางเกงขาด คางแตกเลย นี่คิดเลย ดีนะที่ไม่เร่งความเร็วลงเนิน เพราะถ้าพลาดขึ้นมา ไม่คุ้มแน่ๆ อย่างน้อยวิ่งจบก็ไม่บาดเจ็บเลย ;)

ภาพตอนเข้าเส้นชัยจากกล้องคุณสามี คือ กดนาฬิกาตลอดดดด !


สรุป ระยะ 26 กิโลเมตร วิ่งไปทั้งหมด 3:28:17 ชั่วโมง average pace 8.00 พอดีเป๊ะ ได้อันดับที่ 3 ของช่วงอายุ 19-29 ปี เป็นที่ 6 ของผู้หญิงทั้งหมด ก็ถือว่าเป็นอีกรายการที่ประสบความสำเร็จ และประทับใจมาก ได้ต่อสู้กับตัวเองตลอดเวลาขึ้นเนิน แถมยังวิ่งสนุกมากด้วย ผู้จัดเป็นกลุ่มนักวิ่งอาสาที่ตั้งใจทำงานกันมาก ชุมชนก็น่ารัก ทางวิ่งไม่ยากมาก แต่ก็ไม่ได้ง่าย เพราะวิ่งบนภูเขาหิน หินเยอะมากจริงๆ เนินก็ไม่ได้น้อยเลย นี่ยังคิดขอบคุณต้นขาใหญ่ๆของตัวเองที่พารอดมาได้ ^0^ อากาศก็ดี๊ดี สรุป ปีหน้าไปอีกแน่นอน ! 





คะแนนนะคะ เต็ม 10 ให้ 9 คะแนน

ข้อดี ทีมงานน่ารักมากกกก ตั้งใจทำงานสุดๆ เส้นทางวิ่งก็ดีงามเหมาะกับระยะ มีปีนเขา ไต่เนินให้พอขาสั่น หินเยอะตามสไตล์แถบนี้ เป็นงานวิ่งที่ชุมชนมีส่วนร่วม กองเชียร์ชาวบ้านน่ารักมากๆ อากาศก็ดี สุดท้ายคือ เป็นงานการกุศลด้วย :)

ข้อเสียแบ่งเป็นข้อๆนะคะ เล็กๆน้อยๆ 

1. ต่อคิวห้องน้ำนานมากๆ เพราะคนเยอะ
2. เรื่องขยะ ทีมงานออกมาแจ้งขอโทษแล้วว่า ไม่ได้เอาถุงขยะมาไว้ตรงจุด CP เลยเจอนักวิ่งทิ้งขยะระหว่างทาง
3. น้ำจะขาดไม่ตรงกับที่บอกไว้ แต่เราพกเป้เลยไม่มีปัญหา หากไม่มีเป้อาจเดือดร้อนได้
4. ทีมงานเหมือนจะน้อยเกินไป หากสเกลงานใหญ่กว่านี้จะเหนื่อยมากแน่ๆ 
5. ที่จอดรถ คุณสามีคอมเมนท์มา อาสาสมัครให้เข้ามาจอดใต้ต้นสนในสวนสน ซึ่งไม่เป็นระเบียบและวุ่นวาย โดนจอดปิดท้าย ต้องกระดึ้บๆออกค่อนข้างลำบาก 


ความชันจาก Suunto ค่ะ 




สถิติจาก suunto ที่เพซแย่ๆคือช่วงเดินกระจาย -_-








Gear Review: Altra Solstice >> Excellent choice for a racing flat lover!

นักวิ่งคนไหนเป็น Racing flat lover ชอบรองเท้าวิ่งพื้นบางๆ น้ำหนักเบาๆ วิ่งแล้วตัวเบาหวิวเชิญมาทางนี้ค่า วันนี้เราจะมาพูดถึง Altra Solst...