วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2561

Gear Review : Salomon S/Lab Sense 6 : It’s Ferrari style !



Salomon เป็นแบรนด์ outdoor ชื่อดังที่มีจุดกำเนิดที่ฝรั่งเศสโดย François Salomon ภรรยา และลูกชาย Georges Salomon ได้ก่อตั้ง Salomon Group ขึ้นมาในปี 1947 ปัจจุบันได้ถูกซื้อกิจการไปโดย Amer Sports ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ outdoor จาก Finland (เจ้าของเดียวกับ Suunto, Arc’teryx, Mavic และอีกมากมาย)  กว่า 70 ปีที่ผ่านมา Salomon คือ กลุ่มผู้นำแห่งวงการอย่างแท้จริง โดยเฉพาะวงการวิ่งเทรล รองเท้าเทรลของ Salomon คือหนึ่งในสินค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดที่นักกีฬาระดับโลกหลายคนเลือกใช้

ไลน์สินค้าของ Salomon แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม S/LAB series คือ หนึ่งในไลน์ของสินค้าที่มีความพิเศษที่สุด (แน่นอนว่าแพงที่สุดเช่นกันค่ะ) S/LAB ย่อมาจาก Salomon Laboratories เป็นไลน์สินค้าที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันระหว่างทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของ Salomon นักออกแบบ และ นักกีฬาชั้นนำระดับโลก เพื่อให้ผลิตภัณฑ์จาก S/LAB series นี้ ตอบสนองความต้องการของนักกีฬาได้ดีที่สุด ทั้งสวยงาม ทนทานและมีประสิทธิภาพที่สุด  หนึ่งในรองเท้าเทรลที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Salomon S/Lab Series นี้ก็คือ ตระกูล sense Salomon S/Lab Sense 6 คู่นี้นั่นเอง

Salomon S/Lab Sense 6 ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Racing คือรองเท้าสำหรับใช้แข่ง จุดเด่นคือ สีสันที่สดใสมาก สีแดงสด และความบางและเบา เพื่อตอบสนองต่อความเร็วในการวิ่ง มันมีน้ำหนักเพียง 7.7 oz เท่านั้น (size 9 US) Stack Height 18mm/14mm (4mm drop)  เราถึงคิดถึง รถ Ferrari เลย ทั้งสีสัน ความเร็ว ความพรีเมี่ยม รวมถึงราคา มันคือ Ferrari Style ชัดๆ มาดูกันค่ะว่า Salomon อัดเทคโนโลยีอะไรลงไปในรองเท้าคู่นี้กันบ้าง

1.Upper  

     Salomon S/Lab Sense 6 มี upper ที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ ผ้าบางมากถึงมากที่สุด เป็น single layer mesh ผสมกับ Nylon ที่ยืดหยุ่นสุดๆด้วยเทคโนโลยีเฉพาะจาก Salomon คือ  3D SENSIFLEX™ ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างความกระชับและความยืดหยุ่น ตรงปลายเท้าจะเป็นผ้าตาข่ายที่บางมากๆ บางจนเห็นเลยว่าเราใส่ถุงเท้าสีอะไร แต่ถึงจะบางแบบนี้กลับทนทานมากๆ ใช้งานสมบุกสมบัน ไม่ได้ขาดง่ายเลย สีสันก็สดใสมากๆ เป็นสีแดงสด ที่เรียกได้ว่า เห็นไกลๆก็รู้ว่า ใส่ Salomon เป็นสีอันเป็นเอกลักษณ์จริงๆ



นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี endoFIT™ คือแผ่นบริเวณลิ้นรองเท้าด้านใน ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการโอบกระชับตรงกลางเท้าเพื่อการเคลื่อนไหวที่ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Salomon ก็คือ เชือกรองเท้า จะเป็นเทคโนโลยีที่เรียกว่า Salomon Quicklace system เป็นเชือกรองเท้าที่ออกแบบมาให้ไร้แรงเสียดทาน สะดวกต่อการใช้งานที่สุด สามารถดึงเพียงครั้งเดียวก็กระชับทุกส่วน มีตัวล็อคที่แน่นหนา ล็อคเสร็จแล้วก็ม้วนๆเก็บไว้ในช่องเก็บเชือกรองเท้าที่อยู่ด้านบนได้เลย ไม่ต้องกลัวหลุดเลื่อน แน่นหนากระชับขั้นสุด คือ ครั้งเดียวจบจริงๆ


ตรงส่วนของ heel cup คือ upper ด้านบนส่วนข้อเท้า ออกแบบมาได้ค่อนข้างบาง ไม่หนา เพื่อลดน้ำหนักของรองเท้าให้เบาที่สุด และมีความกระชับมากเช่นกัน ปกติเวลาวิ่งเทรล เราจะใส่ Gaiter กันหินทรายกระเด็นเข้าเท้า แต่ตอนที่ใช้คู่นี้วิ่ง 50 กิโล งาน Ultra Trail NAN ไม่ได้ใส่ก็ไม่เป็นไร เพราะความกระชับนี้ที่หินทรายแทบไม่เข้าเท้าเลย เวลาขึ้นเนินลงเนินก็ไม่ต้องกลัวรองเท้าเลื่อนหลุด จะขยับเท้าไปทางไหนก็ไม่มีกังวล


  
 2.  Midsole 

เป็นการผสมผสานกันของ Salomon EnergyCell+ cushioning system ที่ตอบโจทย์เรื่องความเบาและยังมีคุณสมบัติช่วยส่งกลับแรงกระแทกคืนสู่เท้าในขณะวิ่ง ร่วมกับ Dual Density Compressed EVA ที่ช่วยในเรื่องความกระชับขั้นสุด นอกจากนี้ยังมี Salomon’s ProFeel Film ที่เป็นแผ่น carbon fiber ที่นอกจากจะช่วยป้องกันเท้าจากสนามที่มีหินเยอะๆเหมือน rock plate แล้ว ยังช่วยในการวางเท้ายกเท้าจากส่วนของปลายไปจนส่วนหน้าของรองเท้าให้มั่นคงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังไม่หนาจนเกินไปที่จะช่วยให้นักวิ่งสามารถรับรู้ถึงพื้นผิวสัมผัสที่เป็นเสน่ห์ของการวิ่งเทรล





   3. Outsole 

    ส่วนนี้คือพระเอกเลย นักวิ่งหลายคนเคยบอกว่า grip ของ Salomon คือ grip ที่ดีที่สุดในโลก นั่นก็คือ Premium Wet Traction Contagrip เป็น grip ที่เหนียวแน่นหนึบมากกกก เป็นรูปทรงเลขาคณิตหลายรูปแบบที่ถูกจัดวางอย่างดีเพื่อให้มีประสิทธิภาพที่สุด เกาะพื้นดีที่สุด ไม่ต้องกลัวลื่น นอกจากนี้ยังมี Salomon’s OS Tendon technology ที่จะช่วยในการยกเท้าวางเท้าให้smooth มากขึ้นไปอีก




มาถึงการใช้งานจริง... ต้องออกตัวก่อนว่า เราไม่ใช่นักวิ่งแนวหน้าวิ่งเร็ว แต่ไม่มีปัญหากับการใส่รองเท้าบาง ที่ผ่านมาโจทย์ในการเลือกรองเท้าเทรลคือ grip ดี และใส่วิ่งถนนได้ ตอนแรกที่เห็น Sense 6 คู่นี้ ไม่ได้มีความคิดว่าจะซื้อ แต่พอได้ลองเท่านั้นแหละ อยากได้ขึ้นมาเลย 555  ต้องบอกว่าครั้งแรกที่เห็นรองเท้า อื้อหือ มันสวยมากกกก สีแดงแจ๊ดดดเลย พอลองจับดูที่ตามมาคือ โห มันเบามากๆเลย มันเป็นรองเท้าเทรลคู่ที่บางและเบาที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย ความรู้สึกแรกที่ได้สวมเท้าเข้าไปคือ มันดีมากกก กระชับ แต่ขยับเท้าได้สบายมาก ที่สำคัญเวลาเดินไปมาตอนนั้นยังรู้สึกได้ถึงความหนึบที่ฝ่าเท้า ตอนแรกคิดว่าจะแข็งมาก แต่ก็ไม่แข็งมากอย่างที่คิด ยังใส่สบายดี

จนได้มีโอกาสเอาไปวิ่งงาน Ultra Trail NAN 50k เส้นทางวิ่งจริงๆแล้วมีถนนเยอะ พื้นก็แข็ง แต่ตอนนั้นตัดสินใจเอา sense 6ไปเพราะคิดว่าเอาอยู่ 555  แล้วมันก็เอาอยู่จริงๆ เวลาวิ่งถนน มันก็เป็นรองเท้าที่ดีคู่หนึ่ง ตอบสนองได้ดี ไม่ลื่น ไม่แข็งเกินไป เหมือนรองเท้า racing แต่พอเป็นทางเทรล เชื่อแล้วจริงๆว่า grip ของ Salomon คือ grip ที่ดีที่สุดในโลก มันเหนียวแน่นหนึบจริงๆค่ะ เราชอบความรู้สึกที่แน่นๆหนึบๆนี้มาก ไม่ยวบ แข็งแรง คือ มั่นใจว่ามันจะพาเราไปได้ทุกที่ ทุกสภาพพื้นผิว

ทางวิ่งมีส่วนที่ต้องลุยน้ำลงไปที่ลำธารด้วย เราใส่รองเท้าลุยน้ำเลย ปรากฏว่า แห้งไวมาก ขึ้นมาจากน้ำก็ไม่มีลื่นเลย ยังเกาะพื้นดีเหมือนเดิมเด๊ะ ประทับใจสุดๆ ส่วนของเชือกรองเท้าก็เป็นอะไรที่ดีมาก หมดปัญหาเชือกรองเท้าหลุดระหว่างวิ่งไปเลย  จะเป็น uphill downhill ก็แทบไม่มีลื่น กระชับ มั่นใจ ส่วนตัวคิดว่า sense6 คู่นี้ แทบจะเอาอยู่ทุกสภาพพื้นผิว จะวิ่งถนนก็ยังทำได้ดี ครบเครื่องมาก  สิ่งที่ชอบจากคู่นี้อีกอย่างคือ การรับรู้ถึงพื้นผิวสัมผัสของทางวิ่ง เพราะความที่มันค่อนข้างบาง มันเลยได้ความรู้สึกที่ดีมากๆ นักวิ่งที่ชอบรองเท้าที่ให้ความรู้สึกของผิวสัมผัสที่ดี รับรองว่าจะต้องหลงรักคู่นี้



มาถึงส่วนที่เป็นข้อเสียกันบ้าง จะรองเท้าดียังไงก็ต้องมีข้อเสียค่ะ

1.        แน่นอน ข้อเสียที่สำคัญที่สุดก็คือ ราคา เพราะอยู่ในไลน์ S/LAB มันจึงราคาค่อนข้างสูง (Ferrari Style จริงๆ 5555) แต่เทียบกับประสิทธิภาพแล้ว คิดๆดูยังไงก็คุ้มค่ะ นี่ยังคิดเลยว่า ถ้า grip มันไปเยอะแล้ว จะเอามาเป็นรองเท้าวิ่งถนนดู คงเป็นรองเท้า Racing ที่ดีคู่หนึ่งเลย

2.        ไซส์และขนาดสำหรับผู้หญิง Salomon ขาย sense6 แบบรองเท้า Unisex คือ ผู้หญิงต้องเลือกจากไซส์ผู้ชาย ถ้าซื้อแบบไม่เคยลองมาก่อนอาจสับสนได้ แนะนำให้ลองจากเคาท์เตอร์ Salomon จะปลอดภัยที่สุดค่ะ   

3.        ต้องย้ำกันอีกครั้งว่า... sense 6 เป็น รองเท้า Racing มันจึงเบาและบาง เหมาะกับคนที่ชอบรองเท้าบางจริงๆ เราวิ่งเหยียบอะไรมันจะรับรู้ได้หมดเลยค่ะ คนที่ชอบรองเท้าหนานุ่ม สายวิ่งสบายน่าจะไม่ชอบ

สรุป สาย racing สาย minimalist ต้องห้ามพลาดค่ะ มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความเร็ว ฟีลลิ่งที่ดี grip ที่ดีที่สุดในโลก แถมสีสันก็สวยงามเป็น signature ของ Salomon มันคือ Ferrari Style จริงๆ  !




















วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561

Gear Review: Altra Duo>> It’s fast, It’s light, It’s thick, It’s cushy, It’s the Hoka Killer!



 ปี 2018 นี้เป็นปีที่แบรนด์รองเท้าวิ่งแต่ละแบรนด์วางแผนการตลาดออกรองเท้ารุ่นใหม่ๆออกมามากมาย รวมถึง Altra ที่เป็นแบรนด์โปรดของเราด้วย เห็นในข่าวและใน event มาตั้งแต่ปี 2017 แล้วว่า ปี 2018 นี้  Altra จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งการปรับเปลี่ยนรุ่นรองเท้าทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ และการออกแบบปรับลุคให้ดูโฉบเฉี่ยวสวยงามมากยิ่งขึ้น มีรองเท้ารุ่นใหม่อยู่รุ่นหนึ่งที่เราสะดุดตามากๆตั้งแต่แรกเห็น ชื่อของมันก็คือ Duo

Duo เป็นชื่อของรุ่นรองเท้ารุ่นใหม่ที่ทาง Altra ภูมิใจนำเสนอมาก Golden Harper หนึ่งผู้ก่อตั้ง Altra ที่เป็นนักวิ่ง Elite (สถิติจบมาราธอนแรกตอนอายุ 12 ขวบ ด้วยเวลา 2.45 ชั่วโมง!) และเป็น Specialist ทางด้านรองเท้าวิ่ง (ที่บ้านเปิดร้านขายรองเท้าวิ่ง) ได้บอกเล่าเรื่องราวถึงแรงบันดาลใจว่า เกิดมาจากแนวคิดที่จะออกแบบรองเท้าวิ่งที่ซัพพอร์ตได้ดี พื้นหนา แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีน้ำหนักที่เบา จึงได้พัฒนารองเท้ารุ่นในฝันนี้จาก Paradigm รองเท้ารุ่นที่หนาที่สุดของ Altra ออกมาในชื่อรุ่นใหม่ว่า Duo ที่หนาถึง 31 mm. แต่มีน้ำหนักเบากว่า Paradigm ถึง 8 ounces!    เรามาดูกันค่ะว่า Duo คู่นี้ เป็นยังไงบ้าง

ข้อมูลพื้นฐาน

Stack Height:  31mm heel/ 31 mm forefoot
 Zero drop
Weight: 8.46 oz./240 g (men’s US 9)


1   Upper
Duo มี Upper เป็น mesh fabric คือ ผ้าที่มีลักษณะเป็นตาข่ายที่บางมากๆ บางจนแทบจะเป็น See-through คือ มองเห็นสีของถุงเท้าเลยทีเดียว ส่วนของผ้า mesh นี้จะเป็นบริเวณด้านหน้าถึงตรงกลางของรองเท้า โดยจะมี วัสดุ TPU (Thermoplastic Polyurethanes) ขึ้นรูปเป็นโครงตารางเกาะไว้ ตัว TPU นี้หุ้มไปถึงส่วนของด้านหลังรองเท้า ตรงส่วนข้อเท้า heel cup ก็ออกแบบมาได้บางมากๆอีกเช่นกัน คง concept ของ minimalist theme ไว้อย่างเหนียวแน่น

ส่วนของลิ้นรองเท้า ออกแบบมาได้บางมากๆ เพื่อเป็นการลดน้ำหนักรองเท้า โดยทำมาจากหนัง Nubuck ที่มีความยืดหยุ่น ป้องกันการกด เชือกรองเท้าเป็นแบบ oval laces ไม่ใช่แบบแบนเหมือนรุ่นอื่นๆของ Altra โดยเชือกรองเท้าแบบใหม่นี้ผูกได้แน่นหนาดี และมีขนาดที่ยาว ยาวมากๆ ยาวผิดหูผิดตา เมื่อเทียบกับ Torin 3.0 ที่ใครๆก็บ่นว่าขี้เหนียวเชือก 



        Midsole
ในเว็บไซต์ของ Altra ยังไม่มีข้อมูลของ Duo เลยค่ะ เลยไม่ทราบว่า Altra ใช้โฟมชนิดไหนใน Duo แต่ที่รู้สึกได้เลยคือ ฟีลลิ่งไม่เหมือนรุ่นไหนๆของ Altra มาก่อนเลย มันเด้งและตอบสนองได้ดีมากๆ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Inner Flex™ เจ้าเก่าเจ้าเดิม  ออกแบบให้เป็นร่องที่มีความยืดหยุ่นคล้ายตารางอยู่ตรง midsole ที่จะช่วยให้เราสามารถวางเท้าเวลาวิ่งได้ตามที่ต้องการ




     Outsole

Altra ออกแบบ outsole ของ Duo โดยใช้ยางคุณภาพสูงที่ถูกแซะให้เป็นร่องเพื่อเป็นการลดน้ำหนักของรองเท้า โดยวัสดุของยางที่ใช้เป็น outsole จะแตกต่างกัน ตรงส่วนของปลายเท้าและส้นเท้าจะเป็นยางที่ออกแบบให้มี grip ยึดเกาะถนนซึ่งเป็นส่วนที่สัมผัสถนนและรับแรงกระแทกมากที่สุด ในขณะที่ตรงกลางจะเป็นยางที่ยืดหยุ่นบิดโค้งได้มากกว่าส่วนอื่น





การใช้งานจริง

ต้องบอกก่อนว่า ปกติเราใส่รองเท้าไม่หนามาก บางสุดที่ใส่คือ Luna หนา 9mm. เท่านั้นเอง เคยลองใส่ Hoka ทั้งเทรลและถนน แล้วไปไม่รอด เพราะมีความรู้สึกว่า นุ่ม ยวบยาบ กินแรง และไม่ stable รองเท้าที่หนาที่สุดที่มีก็คือ Salomon sense pro max หนา 31 mm. ซึ่งเป็นรองเท้าเทรลที่หนาที่สุดที่เราใส่ได้ และชอบมาก เพราะไม่ยวบยาบ แข็ง เด้งๆ ตอบสนองได้ดี แต่รองเท้าวิ่งถนนนี่ยังไม่เคยถูกใจคู่ไหนที่หนากว่า Torin

ความรู้สึกแรกตอนที่ได้จับรองเท้าครั้งแรก รู้สึกได้เลยว่า เบามากกกกก จากความหนาขนาดนี้ไม่คิดว่าน้ำหนักจะเบาได้ขนาดนี้  Upper บางมากๆ ช่วยระบายอากาศและยืดหยุ่นได้ดี หน้ารองเท้ากว้างกว่า Altra ทุกรุ่น คนเท้าบานต้องชอบมากแน่ๆ พอได้ลองวิ่งจริงแล้วก็รู้สึก surprise มากค่ะ เพราะมันไม่เหมือน Hoka เลย ทั้งๆที่หนาพอๆกัน



ไม่รู้ว่าคนที่เคยลองใส่ Hoka แล้วรู้สึกเหมือนกับเราหรือเปล่า เพราะความที่มันหนา และนุ่ม อีกทั้งยวบยาบ เวลาวิ่งแล้วรู้สึกว่า ตัวเองใส่รองเท้าที่สูงมากๆ รู้สึกไม่ stable แต่กับ Duo ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย มันทั้งเด้ง ตอบสนองได้ดี ไม่ยวบยาบ มีความแข็งนิดๆ หนึบหน่อยๆเกาะถนนที่เราชอบมากๆ (เราชอบรองเท้าแข็งและหนึบค่ะ) ที่สำคัญคือ stability ดีมากๆ ทั้งๆที่หนาขนาดนี้ แต่เวลาวิ่งกลับไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองใส่รองเท้าหนา ทำให้วิ่งได้อย่างมั่นใจ  มีความรู้สึกเชื่อใจรองเท้าคู่นี้ได้ตั้งแต่ 100 เมตรแรก  เรียกได้ว่า เก็บจุดด้อยที่เราไม่ชอบจาก Hoka ได้หมดเลย เพราะแบบนี้แหละ เราเลยให้ฉายาว่า The Hoka Killer!


มาถึงส่วนที่ไม่ชอบกันบ้าง เห็นชมขนาดนี้ ก็มีที่ไม่ชอบนะคะ
1.        ลิ้นรองเท้า
ลิ้นรองเท้าหนัง  Nubuck นี้ มีดีที่บาง ยืดหยุ่นได้ดีก็จริง แต่สำหรับเรา รู้สึกว่า สั้นเกินไปค่ะ เวลามัดเชือกรองเท้าแล้ววิ่งๆไป มันรั้งตัวลิ้นให้ย่นๆขยับร่นไปด้านหน้าตลอด บางครั้งทำให้รู้สึกถึงแรงกดของเชือกรองเท้า แม้จะไม่ส่งผลต่อการวิ่งเท่าไหร่ แต่พอเผลอก้มลงไปมองเท้าตัวเองทีไร ต้องคอยขยับดึงมันทุกที
2.        Outsole
Outsole ที่ถูกแซะเป็นร่องๆนี้ มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง ที่มั่นใจว่า นักวิ่งทุกคนต้องเจอ ก็คือ หินเข้าไปติดในร่อง ถ้าเป็นนักวิ่งที่วิ่งในสวนสาธารณะหรือถนนในเมืองอาจไม่เจอปัญหานี้ แต่เราชอบวิ่ง City Run ถนนที่ปากช่องหินเยอะ บางวันก็วิ่งออกทางเทรลเลยก็มี ผลที่ได้ก็คือ หินเข้าไปติดตรงร่อง ต้องคอยเขี่ยออกหลังวิ่งเสร็จ น่าสนใจเหมือนกันว่า Altra จะแก้ปัญหาตรงนี้ยังไงดี


สรุป Duo กลายมาเป็นรองเท้าวิ่งถนนลูกรักอันดับหนึ่งของเราแล้วตอนนี้ เบียด Torin ที่ครองตำแหน่งมาหลายปีลงไปอย่างราบคาบ ทั้งการออกแบบ และ performance น่าประทับใจมากๆ ที่สามารถทำให้เรากลับมาวิ่งด้วยรองเท้า maximalist shoe ได้อีกครั้ง เหมาะกับแฟนรองเท้าหน้ากว้างที่รักความสบายแต่ก็ยังคงประสิทธิภาพในการวิ่ง แม้พื้นจะหนา แต่ไม่มีปัญหากับนักวิ่งที่จะทำความเร็วเลยค่ะ วิ่งเพซ 4 เพซ 5 ได้สบายๆ จะเอาไว้ซ้อมวิ่งยาวๆข้ามวันข้ามคืนก็เหมาะ หรือจะเอาไว้ใส่วันสบายๆ recovery day ให้รางวัลตัวเองก็ได้ ไปได้ตั้งแต่ Fun Run  ยัน Ultra เลย ของเค้าดีจริงๆ Highly Recommended ! 





Gear Review: Altra Solstice >> Excellent choice for a racing flat lover!

นักวิ่งคนไหนเป็น Racing flat lover ชอบรองเท้าวิ่งพื้นบางๆ น้ำหนักเบาๆ วิ่งแล้วตัวเบาหวิวเชิญมาทางนี้ค่า วันนี้เราจะมาพูดถึง Altra Solst...